บทความ

กำลังแสดงโพสต์ที่มีป้ายกำกับ knowledge

การลงทุนเพื่อสร้างคนให้ประสบความสำเร็จ: มีค่าแทนการเงินที่คุ้มค่าแค่ไหน?

รูปภาพ
เป็นคำถามที่น่าสนใจมากว่า "การลงทุนในการพัฒนาและสร้างคนจนประสบความสำเร็จ จะใช้ค่าแทนการเงินมากเท่าไหร่ และผลตอบแทนทางสังคม (SROI) จะเป็นอย่างไร?" เราลองมาดูหลากหลายมุมมองจากหลายๆ ท่านกันครับ 1. หนึ่งคนที่ประสบความสำเร็จ จะตอบแทนสังคมได้ขนาดไหน (SROI)? มีหลายท่านให้ความเห็นว่า "ประเมินค่าไม่ได้" หรือมีมูลค่ามหาศาล เพราะเมื่อคนคนหนึ่งเป็น "พลเมืองที่ดี รู้หน้าที่และมีศีลธรรม" พวกเขาจะสร้างคุณูปการให้กับสังคมในวงกว้างอย่างต่อเนื่อง ผลประโยชน์จะยิ่งทวีคูณขึ้นไปเรื่อยๆ 2. รูปธรรมความสำเร็จที่คุณยอมรับได้คืออะไร? สำหรับความสำเร็จที่เป็นรูปธรรมนั้นมีหลากหลาย บางท่านมองว่าเพียงแค่ "พ่อแม่ผู้มีพระคุณส่งลูกเรียนจบ มีงานทำอาชีพที่ดี" ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว เพราะได้ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ แต่บางท่านก็มองว่าความสำเร็จไม่ได้ขึ้นอยู่กับปริญญาหรือตำแหน่งเพียงอย่างเดียว แต่อยู่ที่ "วิธีคิด" ที่คนคนนั้นมีต่อความสำเร็จและเป้าหมายในชีวิตต่างหาก 3. แล้วต้องใช้เงินเท่าไหร่ในการสร้างคนให้สำเร็จ? คำตอบนี้มีความหลากหลายอย่างน่าสนใจ!  หลายท่านมองว่า ...

เริ่มจาก "ไม่รู้" สู่ "รู้ลึกซึ้ง" – แตงโมทำได้ คุณก็ทำได้! 🚀

รูปภาพ
หลายคนคงเคยคิดเหมือน แตงโม ใช่มั้ยครับว่า คนที่เก่งๆ มีความรู้เยอะๆ เนี่ย เขาต้องรู้ทุกเรื่องมาตั้งแต่เกิดแน่เลย! 😅 แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เลยครับ! ทุกครั้งที่ แตงโม ต้องเรียนรู้เรื่องใหม่ๆ ก็เริ่มจากศูนย์เหมือนกันครับ ไม่รู้อะไรเลยจริงๆ! พอจะทำอะไรสักอย่าง ก็ต้องค้นคว้า รวบรวมข้อมูลที่มีอยู่แล้ว มาทำความเข้าใจ เชื่อมโยง วิเคราะห์ สังเคราะห์ให้เป็นความรู้ของเราเอง 💪 มันไม่ใช่แค่เรื่องของการที่เราต้องรู้ไปหมดทุกสิ่งตั้งแต่แรก แต่มันคือการ #เสียสละเวลา ที่จะเรียนรู้ ทบทวน และนำข้อมูลต่างๆ มาประกอบกันให้เกิดเป็นความเข้าใจที่ลึกซึ้ง และสุดท้ายเราก็สามารถนำความรู้นั้นมาเล่าให้คนอื่นฟังได้อย่างเข้าใจ 😊 จำไว้ว่า การเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด และการเริ่มต้นจากจุดที่เรา "ไม่รู้" คือก้าวแรกของการเป็น "ผู้รู้" ครับ! มาเป็นกำลังใจให้ตัวเองในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ไปด้วยกันครับ! ✨

บทบาทหน้าที่ ADM คือการขับเคลื่อนการ ?

รูปภาพ
จากการสังเกตการณ์และพูดคุยกับพ่อเด่น ผู้เป็น "นักขับเคลื่อนงานพัฒนาทุกที่" ทำให้เราเห็นถึง Passion และคุณสมบัติพิเศษที่ขับเคลื่อน ADM ให้แตกต่างจากการทำงานตามหน้าที่ 1. ไม่ขับเคลื่อนตามหน้าที่ แต่ขับเคลื่อนด้วยความเข้าใจปัญหาที่แท้จริง มองเห็นปัญหาร่วมกัน: ADM ไม่ได้ทำงานเพียงเพราะเป็นคำสั่ง แต่เพราะพวกเขามองเห็นปัญหาที่คล้ายกันในหลายพื้นที่ และรู้สึกอยากมีส่วนร่วมในการแก้ไข ความต้องการที่แรงกล้า: แรงขับเคลื่อนมาจากความปรารถนาที่จะเห็นชุมชนดีขึ้น พ้นจากความยากจนและปัญหาต่างๆ ที่เผชิญอยู่ 2. สร้าง "พันธกิจสัมพันธ์" ด้วยหัวใจที่เปิดกว้าง "เว้าลาวนำกัน" การเชื่อมโยงผู้คน: พ่อเด่นแสดงให้เห็นถึงเอกลักษณ์ของการสร้างความสัมพันธ์แบบคนอีสาน คือการ "เว้าลาวนำกัน" หรือการพูดคุยทำความรู้จักกันอย่างเป็นกันเอง ซึ่งนำไปสู่การสร้างเครือข่ายและการทำงานร่วมกัน แก้ปัญหาแบบองค์รวม: เมื่อถูกถามถึงวิธีการพูดให้คนเชื่อ พ่อเด่นตอบสั้นๆ ว่า "ทุกคนกินข้าวผมก็อยากกินเห็ดเช่นกัน" สะท้อนถึงวิธีคิดที่มองเห็นความต้องการพื้นฐานและปัญหาร่วมกันของทุกคน และพร้อมที่จะนำพา...

ลักษณะนักจัดการงานพัฒนาเชิงพื้นที่ ADM (Area Development Manager) แก้จน

รูปภาพ
พ่อเด่น คือคนแรกๆ ที่กล้าเปิดใจยอมรับเทคโนโลยี "ตะแกรงร่อน" คัดเมล็ดพันธุ์ข้าวอัตโนมัติ แม้จะต้องเผชิญกับสายตาที่จับจ้องและคำเย้ยหยัน แต่ท่านก็กล้าตัดสินใจ ซึ่งผลสำเร็จที่เกิดจากการใช้งานจริง ได้พิสูจน์แล้วว่าการเปลี่ยนแปลงสามารถเกิดขึ้นได้ สิ่งที่ ADM อย่างพ่อเด่นแตกต่างออกไป และสามารถเข้ามาเปลี่ยนความ "หมดศรัทธา" นี้ได้ คือ เป็น "นักขับเคลื่อนงานพัฒนาทุกที่" ไม่ใช่แค่ "ตามหน้าที่": พ่อเด่นไม่ได้ทำเพราะได้รับมอบหมาย แต่เพราะเห็นปัญหาที่คล้ายกันในหลายพื้นที่ และมี Passion ที่อยากจะช่วยแก้ไขจริงๆ เน้น "การลงมือทำ" มากกว่า "การแจกจ่าย": ADM จะพาชาวบ้านลงมือทำจริง พิสูจน์ให้เห็นถึงผลลัพธ์ที่จับต้องได้ เหมือนที่พ่อเด่นเลือกใช้ "ตะแกรงร่อน" จนเกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงประจักษ์ ร้าง "พันธกิจสัมพันธ์" ด้วยใจ: แทนที่จะเน้นรูปแบบที่เป็นทางการ ADM จะสร้างความสัมพันธ์แบบคนในครอบครัว "เว้าลาวนำกัน" ทำความรู้จักกันด้วยปัญหาร่วม นำไปสู่การเชื่อมมิตรภาพและทำงานร่วมกันในอนาคต เป็น "ผู้เชื่อมโยง" ไม่ใช่ ...

เมื่อ 'ข้อมูล' ไม่ได้อยู่แค่ในมือคุณ: ศิลปะการส่งต่อสู่ 'ผู้ทรงพลัง' ในงาน

รูปภาพ
"มนต์เสน่ห์ของข้อมูล" เป็นสิ่งที่ผมยึดถือมาโดยตลอดในการทำงาน เพราะผมเชื่อว่าข้อมูลที่ดีมีพลังในตัวเอง เหมือนในนามปากกาจาก "แตงโม สกลนคร" ได้กลายเป็นที่จดจำ แม้ว่าผมจะไม่ได้อยู่ในงานก็ตาม สิ่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นด้วยความบังเอิญ แต่เกิดจากการที่เราใส่ใจในทุกรายละเอียดของข้อมูล เพื่อให้มันสามารถสื่อสารและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยตัวของมันเอง อีกสิ่งหนึ่งที่ผมให้ความสำคัญไม่แพ้กันคือ การสื่อสารข้อมูลให้ถูกที่ถูกคน ในงานแต่ละครั้ง ข้อมูลที่เราเตรียมมาอย่างดีจะเกิดประโยชน์สูงสุดก็ต่อเมื่อมันอยู่ในมือของผู้ที่มีโอกาสได้ใช้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นผู้นำเสนอ, พิธีกร, นักข่าว หรือแม้กระทั่งทีมจัดงานเอง การส่งต่อข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วนให้กับบุคคลเหล่านี้ ถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้งานสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีและราบรื่นที่สุด เพราะพวกเขาคือผู้ที่นำสารของเราไปสู่สาธารณะได้อย่างตรงจุดและทรงพลังที่สุด จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ผมเรียนรู้ว่าการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพไม่ได้อยู่ที่เพียงแค่การรวบรวมข้อมูลให้ได้มากที่สุด แต่อยู่ที่การเข้าใจถึง "มนต์เสน่ห์ของข้อมูล" และการส่งต่อข...

การเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด: ประสบการณ์ที่หล่อหลอมความเข้าใจ

รูปภาพ
ตลอดเส้นทางการทำงาน ผมได้เรียนรู้บทเรียนอันล้ำค่าอย่างหนึ่ง นั่นคือ การเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด ไม่ว่าเราจะมีความรู้ความเชี่ยวชาญในระดับใด ก็ยังมีสิ่งใหม่ๆ ให้เราได้ค้นพบและทำความเข้าใจอยู่เสมอ ผมสังเกตว่าเมื่อใดก็ตามที่ผมได้พบเจอกับประเด็นใหม่ๆ หรือข้อมูลที่ไม่คุ้นเคย ผมมักจะรู้สึกทึ่งและให้ความสนใจเป็นพิเศษ หัวใจสำคัญคือการพยายามเชื่อมโยงสิ่งใหม่นั้นเข้ากับประสบการณ์หรืองานที่ตนเองเคยทำมา สิ่งนี้ช่วยให้ผมสามารถทำความเข้าใจประเด็นที่ซับซ้อนได้ง่ายขึ้น และที่สำคัญยิ่งกว่าคือการนำเสนอแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับผู้อื่น เพื่อตรวจสอบว่าความเข้าใจของผมถูกต้องตรงกันหรือไม่ วิธีการที่เราใช้จะสามารถนำไปสู่เป้าหมายเดียวกันได้จริงหรือไม่ สำหรับผมแล้ว แม้ว่าในบางครั้งผมอาจรู้สึกว่าตนเองมีความรู้จำกัดในบางเรื่อง แต่สิ่งนี้กลับผลักดันให้ผมต้องพยายามทำความเข้าใจสิ่งต่างๆ ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น การสื่อสารงานที่มีความซับซ้อนนั้นจำเป็นต้องอาศัยความเข้าใจอย่างถ่องแท้ เพื่อให้สารที่เราต้องการสื่อออกไปนั้นชัดเจนและถูกต้อง ท้ายที่สุดนี้ ผมอยากจะฝากข้อคิดไว้ว่า "การเรียนรู้ไม่ใช่เพียงการแสวงหาความรู้ แต่คือการเดิ...

ความสำเร็จก้าวแรก: ปลดล็อกศักยภาพพื้นที่ด้วย "ววน. ขับเคลื่อน SDGs"

รูปภาพ
วันนี้ผมรู้สึกตื่นเต้นและภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นก้าวสำคัญในการระดมความคิดเพื่อพัฒนากลไก ววน. (วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม) ที่จะเข้ามาตอบโจทย์ความท้าทายและการพัฒนาที่ยั่งยืนในพื้นที่ของเราอย่างแท้จริง โดย ม.ราชภัฏสกลนคร เป้าหมายชัดเจน พัฒนากลไกที่ใช้ประโยชน์จาก ววน. เพื่อขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) คำถามสำคัญที่นำไปสู่การวิเคราะห์อย่างลึกซึ้ง หากมหาวิทยาลัยจะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการเชื่อมโยงความรู้ ววน. กับภาคส่วนต่างๆ ในพื้นที่ ทั้งภาครัฐ ท้องถิ่น เอกชน และชุมชน เราควรมีเงื่อนไขหรือปัจจัยอะไรบ้าง? และวันนี้เราได้คำตอบที่ชัดเจนถึง 5 ด้านหลัก ที่เป็นกุญแจสู่ความสำเร็จ ศักยภาพมหาวิทยาลัย: การเป็นแหล่งรวมความรู้และบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ ความสัมพันธ์กับพื้นที่/ชุมชน: ความเข้าใจในบริบทและความต้องการที่แท้จริงของคนในพื้นที่ ความสามารถในการเชื่อมโยงภาคีต่างๆ: การสร้างเครือข่ายความร่วมมือที่แข็งแกร่ง กลไก ววน.: การมีระบบและกระบวนการที่เอื้อต่อการนำ ววน. ไปใช้ประโยชน์ กรอบแนวคิดการพัฒนา/มุมมองต่อ SDGs: การมีวิสัยทัศน์ที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนระดับโลก...

หลักสำคัญ CIL 5 ข้อ ที่นำมาใช้ในโมเดลแก้จนมันฝรั่ง

รูปภาพ
รู้ไหมว่า โมเดล "แก้จน" ของเราไม่ได้แค่ให้เงิน แต่เน้นที่การ "พัฒนาอย่างยั่งยืน" ด้วยหลักสำคัญ 5 ข้อของ CIL ที่นำมาปรับใช้จริง! เรียนรู้จากสถานการณ์ปัญหา: เราไม่กลัวปัญหา! อย่างเคสเกษตรกรที่ปลูกมันฝรั่งนอกรอบ เราก็ให้กำลังใจและช่วยกันหาทางออก เพื่อสร้างองค์ความรู้ใหม่ๆ ที่นำไปสู่การขยายผลต่อไป สร้างแหล่งเรียนรู้แปลงต้นแบบ: ชุมชนมีแปลงมันฝรั่งต้นแบบที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ แต่ยังคงเน้นภูมิปัญญาเดิม เพื่อพัฒนาทักษะแรงงานเกษตรมูลค่าสูง หนุนเสริมติดตามช่วยเหลือ: เราพร้อมสนับสนุนเต็มที่! ไม่ว่าจะเป็นค่าเดินทางไปศึกษาดูงาน หรือส่งนักศึกษาไปช่วยแบ่งเบาภาระเกษตรกรเมื่อเกิดปัญหาที่ไม่คาดคิด การโค้ช: สนับสนุนให้เกษตรกรลองแก้ปัญหาด้วยตัวเองก่อน เราจะคอยติดตาม ให้คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ และเสริมทักษะต่างๆ ผ่านช่องทางที่หลากหลาย เช่น YouTube การร่วมมือกันแก้ปัญหา: ปัญหาบางอย่างเกษตรกรแก้เองไม่ได้ เราก็ชวนมาคุยกันในเวที Poverty Forum และเครือข่ายอื่นๆ เพื่อหาทางออกร่วมกัน เช่น เรื่องคุณภาพดิน แหล่งน้ำ หรือการแปรรูป คุณคิดว่าหลักการข้อไหนสำคัญที่สุดในการช่วยให้เกษตรกรหลุดพ้นจากความ...

ก้าวต่อไป สร้างสังคมที่ยั่งยืนด้วยความร่วมมือ

รูปภาพ
ม.ราชภัฏสกลนคร กำลังก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง! 🚀 เรากำลังถอดบทเรียนจากระบบ "ข้อมูล" ครัวเรือน "ยากจน" อย่าง PPPConnext และเตรียม "พัฒนาระบบเตือนภัยและสื่อสารภัยพิบัติ" เพื่อยกระดับการ "แก้จน" และช่วยเหลือชุมชนอย่างยั่งยืน เรากำลังยกระดับระบบข้อมูลให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยนักวิจัยจาก 20 จังหวัดทั่วประเทศได้มาร่วมกันแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ เพื่อนำไปปรับใช้ในสกลนครให้เหมาะสมที่สุด นอกจากนี้ เรายังสร้าง "ความร่วมมือ" กับทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐและภาคประชาสังคม เพื่อเตรียมพร้อมรับมือ "ภัยพิบัติ" น้ำท่วม และเชื่อมโยงปัญหาเข้ากับการ "แก้จน" อย่างยั่งยืน การทำงานร่วมกันทำให้เราเข้าใจภาพรวมของปัญหา และเห็นความจำเป็นในการแก้ปัญหาอย่างถ่องแท้ มหาวิทยาลัยของเรามุ่งมั่นที่จะเป็น "มหาวิทยาลัยเพื่อท้องถิ่น" โดยได้รับทุนสนับสนุนจาก บพท. อย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนระบบและกลไกในการช่วยเหลือกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ผู้พิการ และผู้เปราะบาง ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติหนักที่สุด การทำงานนี้ต้องอาศัยความเชื่อใ...

จุดประกาย “แรงบันดาลใจ” การโค้ชนักศึกษา เพื่อ “พัฒนาคน”

รูปภาพ
การทำงานในพื้นที่ไม่ได้มีแค่เรื่อง "แก้จน" หรือรับมือ "ภัยพิบัติ" เท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสทองในการ "พัฒนาคน" โดยเฉพาะน้องๆ นักศึกษาที่เป็นอนาคตของชาติ! 🚀 เราได้ฝึกทักษะให้นักศึกษาอย่างเข้มข้น ทั้งการใช้ Excel และ Google Sheets เพื่อจัดการข้อมูลครัวเรือนยากจน รวมถึงสอน PivotTable เพื่อสรุปรายงานสำคัญ พวกเขายังได้เรียนรู้จากสถานการณ์จริง ทั้งการลงพื้นที่สำรวจน้ำท่วม พูดคุยกับชาวบ้าน และเข้าร่วมประชุมเพื่อทำความเข้าใจปัญหาอย่างลึกซึ้ง ประสบการณ์เหล่านี้มีค่ากว่าในตำราเรียนเยอะเลย! ล่าสุด วันที่ 20 มิถุนายน 2568 สถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลายลง ทีม "วิศวกรสังคมจิตอาสา" จาก ม.ราชภัฏสกลนคร กว่า 100 ชีวิต ร่วมกับทหารและเทศบาล ได้รวมพลังกันฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม นี่ไม่ใช่แค่การทำความสะอาด แต่เป็นการปลูกฝังจิตสำนึกของการเป็น "ผู้ให้" และ "ผู้ช่วยเหลือสังคม" อย่างแท้จริง คุณคิดว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในการปลูกฝังจิตสำนึกการเป็นผู้ให้ให้กับคนรุ่นใหม่? มาร่วมแชร์ความคิดเห็นกัน! 👇

บทเรียนจาก “ภัยพิบัติ” ต้องเร่งสร้างระบบเตือนภัยและเครือข่ายชุมชน

รูปภาพ
สกลนครเจอน้ำท่วมซ้ำซาก โดยเฉพาะปี 2560 ที่ยังคงเป็นบทเรียนเจ็บปวด! 🌧️ ทำให้เราเข้าใจเลยว่า "ระบบเตือนภัย" และ "เครือข่ายชุมชน" สำคัญแค่ไหนในการรับมือภัยพิบัติ เราไม่ได้เน้นแค่โครงสร้างพื้นฐาน (Hard Tool) แต่ให้ความสำคัญกับ "Soft Tool" หรือการสร้างความร่วมมือที่ให้ชุมชนเป็นหัวใจหลัก เพราะการมีส่วนร่วมจากทุกคน โดยเฉพาะผู้ได้รับผลกระทบโดยตรง จะช่วยให้การอพยพและการรับมือสถานการณ์เป็นไปอย่างราบรื่น การจัดกิจกรรมต่างๆ ช่วยให้เราสื่อสารเรื่อง "ข้อมูลภัยพิบัติ" กับชุมชนได้ดีขึ้น และที่สำคัญ เราได้สร้าง "เครือข่ายผู้ประสานงานชุมชน" 11 คนขึ้นมาในเมือง! พวกเขาคือฮีโร่ในพื้นที่ ที่พร้อมจะให้ข้อมูลและความช่วยเหลือได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุการณ์จริง จากสถานการณ์น้ำท่วมล่าสุดจากพายุ "หวู่ติบ" เดือนมิถุนายน 2568 ที่สะท้อนภาพปี 2560 อีกครั้ง เราจึงรีบถอดบทเรียนและรวบรวมข้อเสนอแนะเพื่อนำไปสู่การ "พัฒนา" แผนรับมืออุทกภัยที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น คุณคิดว่าอะไรคือสิ่งสำคัญที่สุดในการเตรียมรับมือภัยพิบัติในชุมชนของคุณ? มาร่วมแชร์ความคิดเห็นกัน!...

รากฐานของการเปลี่ยนแปลงคือการจัดการข้อมูล เพื่อ “แก้จน”

รูปภาพ
รู้ไหมว่า... การ "แก้จน" ไม่ใช่แค่การแจกเงิน! 💸 หัวใจสำคัญคือการมี "ข้อมูล" ที่ถูกต้องและแม่นยำ เหมือนแผนที่นำทางที่ช่วยให้เราเข้าใจปัญหาและหาทางออกได้ตรงจุด เราลงพื้นที่ทำงานกับผู้นำชุมชนอย่างใกล้ชิด เพื่อคัดกรอง "ข้อมูล" ครัวเรือนยากจนอย่างละเอียด ไม่ใช่แค่กรอกตัวเลข แต่คือการเข้าไปสัมผัสชีวิตจริง รับฟังปัญหา และทำความเข้าใจความต้องการของพวกเขา ทุกข้อมูลถูกตรวจสอบอย่างรอบคอบ เพื่อความแม่นยำสูงสุด! และที่สำคัญ เราบันทึก "ข้อมูล" ครัวเรือนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยพิบัติลงในระบบ PPPConnext เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าถึงและช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ผู้พิการ และผู้เปราะบาง ซึ่งมักได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติรุนแรงกว่าใครเพื่อน "ข้อมูล" คือพลัง! 💪 แล้วคุณล่ะ คิดว่าการจัดการ "ข้อมูล" มีส่วนสำคัญแค่ไหนในการแก้ปัญหาความยากจนในประเทศไทย? คอมเมนต์มาคุยกันได้เลย! 👇